อากาศเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนฤดูได้ 2 สัปดาห์ จากหนาว มาสู่ร้อน ทำให้บางวันอุณหภูมิสูง สลับกับฝน และจะคงสภาพนี้จนถึงวันที่ 23 กุมภาพันธ์
วันที่ 18-20 ก.พ. คลื่นกระแสลมตะวันตก จะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือตอนบน ทำให้มีฝนฟ้าคะนอง มีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิลดลง 1-3 องศาเซลเซียส
เน้นเฉพาะภาคเหนือ ที่อื่นไม่เกี่ยว อีสานมีอุณหภูมิลดลงบ้าง แต่ไม่เท่าไหร่
พอถึงวันที่ 20-23 ก.พ. ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ อีกครั้ง ปัจจัยนี้ จะเป็นตัวการให้ประเทศไทยตอนบน มีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง
อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียสลมเย็นน่าจะโชย มาต้องผิวคนกรุงด้วยอุณหภูมิสัก 23 – 25 องศา
ข้อมูลของศูนย์ภูมิอากาศ สํานักพัฒนาอุตุนิยมวิทยา กรมอุตุนิยมวิทยา ประเมินฤดูร้อนปีนี้ จะเริ่มตั้งแต่กลางเดือน กพ.บอกให้ดีใจล่วงหน้าด้วยว่าอุณหภูมิสูงสุดของหน้าร้อนปีนี้ ช่วงแรกจะไม่มากมาย เพราะยังมีความกดอากาศสูงจากประเทศจีน ช่วยแผ่ลงมาผ่อนคลาย
แต่ปีที่แล้ว บางจังหวัด ความร้อนก็ดึดซะสูงลิ่วก็มี เช่น วันที่ 24 กพ.55 ปาเข้าไป 39.6 รุ่งขึ้นวันที่ 25 อ.เมืองชัยภูมิ อ.เมืองมุกดาหาร และ อ.เมืองอุบลราชธานี วัดได้ 38.7 ที่กรุงเทพฯ ก็ขึ้นไปถึง 35.8 เมื่อวันที่ 17 กพ.
ช่วงเดือนมีนาคม ถึง เมษายน บริเวณประเทศไทยตอนบน ตั้งแต่ก้นอ่าวไทยขึ้นไปจดภาคเหนือที่จะอบอ้าว และร้อนจัดบางพื้นที่ เป็นบางวันทำความเข้าใจกับนิยามความร้อนด้วยว่า อุณหภูมิที่นักอุตุฯจะเรียกร้อน ต้อง 35 องศาขึ้นไป ถ้าจะบอก ร้อนจัด ปรอทวัดก็ต้องพุ่งถึง 40 จะโวยวายต่อว่าลมฟ้าอากาศออกสื่อ กรุณาตรวจสอบว่าพูดไม่ผิด
การคาดการณ์ของศูนย์ภูมิอากาศ บอกว่า อุณหภูมิสูงสุดส่วนใหญ่ ใกล้เคียงกับค่าปกติ และต่ำกว่าปีที่แล้ว แต่จะมีฝนมากกว่า ซึ่งก็ไม่ถึงกับทำให้พื้นที่แห้งแล้งซ้ำซาก นอกเขตชลประทานชุ่มฉ่ำขึ้นมาได้
การขาดแคลนน้ำ ทั้งเพื่อดื่มกินและเกษตรกรรมยังคงอยู่ จึงต้องประหยัดกันเข้าไว้ที่ไม่ควรลืมก็คือ เดือนเมษายน แหล่งผลิตแก๊สที่พม่าและมาเลเซียจะหยุดส่งมาป้อนโรงไฟฟ้า การใช้พลังงานเอามาปั่นแอร์จึงอาจตามใจไม่สะดวกซื้อพัดมาตุนไว้ก็น่าจะดีเริ่มฝึกรับมือตอนนี้เลยก็ได้ เพราะครึ่งหลังเดือน กพ.ก็มีวันที่ร้อนเหลือระอาเหมือนกัน
หยาดน้ำฟ้า