แม้ว่าขณะนี้พายุนกเตนจะสลายตัวไปแล้วแต่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนยังได้รับผลกระทบจากร่องมรสุมอยู่ทำให้ยังมีฝนตกหนักในหลายจังหวัด
ภาวะน้ำท่วมในภาคเหนือทำให้กรมทรัพยากรธรณีรายงานว่า หลายอำเภอในจังหวัดแม่ฮ่องสอนเสี่ยงภัยต่อภาวะดินโคลนถล่มอย่างมาก คือที่อำเภอเมือง ขุนยวม แม่ลาน้อย แม่สะเรียง และปาย ทางด้านจังหวัดตากเสี่ยงดินถล่มที่อำเภอแม่ระมาด และอำเภอแม่สอด จังหวัดกาญจนบุรี เสี่ยงดินถล่มที่อำเภอทองผาภูมิ และจังหวัดระนองที่มีฝนตกลงมาหนักเมื่อวานนี้ (2 ส.ค.) เสี่ยงดินถล่มที่ อำเภอเมือง และอำเภอละอุ่น
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในลุ่มน้ำยมที่จังหวัดแพร่ ขณะนี้สถานการณ์ยังอยู่ในภาวะวิกฤต น้ำท่วมสูงกว่า 10 เมตร แต่การระบายยังทำได้ช้าเพราะน้ำทะเลยังหนุนสูงอยู่ โดยน้ำที่ท่วมนี้ได้ไหลลงไปที่จังหวัดสุโขทัย ซึ่งขณะนี้ได้ส่งผลให้อำเภอศรีสัชนาลัยมีน้ำท่วมสูงเกือบ 10 เมตรแล้ว ขณะที่อำเภอสวรรคโลก อำเภอเมือง และอำเภอศรีสำโรงที่อยู่ด้านล่าง ก็มีภาวะน้ำท่วมหนักแล้วเช่นกัน โดยประชาชนในพื้นที่กำลังขาดแคลนน้ำดื่มอย่างหนัก
ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าภาคเหนือตอนบน คือ จังหวัด น่าน แพร่ และอุตรดิตถ์ ยังคงน่าเป็นห่วงเพราะมีปริมาณน้ำฝนท้ายเขื่อนจำนวนมากจึงได้ประสานงานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือ กฟผ.ให้หยุดผลิตกระแส ไฟฟ้าเพื่อลดการระบายน้ำออกจากเขื่อนสิริกิติ์
ส่วนการระบายน้ำในลุ่มน้ำยมกรมชลประทานได้พยายามลดระดับน้ำในลุ่มน้ำยมด้วยการผันน้ำผ่านประตูระบายน้ำหกบาทไปที่ลุ่มน้ำน่าน ที่จะส่งไปถึงจังหวัดอุตรดิตถ์ และพิษณุโลก ซึ่งมีระดับในแม่น้ำน่านสูงมากอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้อาจทำให้เกิดน้ำท่วมที่อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ได้ ส่วนจังหวัดพิษณุโลกอาจมีน้ำท่วมที่ตำบลปากโทก และตำบลจอมทอง ในอำเภอเมือง ในระยะ 5 วันนี้ได้ แต่กรมชลประทานพยายามควบคุมน้ำอยู่ แต่ถ้ายังมีฝนตกต่อเนื่องอาจจะทำให้เกิดน้ำท่วม ส่วนอำเภอพรหมพิราม และบางระกำ จะเกิดน้ำท่วมภายใน 2-3 วันนี้ เนื่องจากไม่สามารถควบคุมปริมาณน้ำในลุ่มน้ำยมได้
จากสถานการณ์น้ำท่วมหนักที่เกิดขึ้นในภาคเหนือจะส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหนักในจังหวัดพิจิตรและนครสวรรค์ได้ภายใน 5 วันนี้ จากการน้ำเหนือที่ไหลบ่าลงมา และประมาณ 10 วันข้างหน้า น้ำเหนือจะไหลบ่าลงมาถึงพื้นที่กรุงเทพมหานครด้วย
ขอขอบคุณ http://news.thaipbs.or.th