ระดับน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเหลือเพียงร้อยละ 42 ของความจุอ่าง กำลังส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการแพทัวร์ท่องเที่ยว ที่ต้องลากแพตามระดับน้ำที่ลดลง ทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากสถานการณ์ภัยแล้งยังไม่ดีขึ้น คาดว่า ผู้ประกอบการทั้งหมดอาจต้องปิดตัว
ผู้ประกอบการแพทัวร์ท่องเที่ยวเหนือเขื่อนสิริกิติ์ อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ บางส่วนต้องปล่อยแพทิ้งไว้ และปิดกิจการชั่วคราว หลังระดับน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บางส่วนยังเปิดบริการก็ต้องลากจูงแพตามระดับน้ำไป ล่าสุดต้องลากห่างจากจุดเดิมไปเกือบ 3 กิโลเมตรแล้ว ทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ประกอบกับต้องเสียค่าภาษีกว่า 30,000 บาทต่อปี ทำให้ขณะนี้กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
นายประจวบ ศรีคล้าย เจ้าของแพ ระบุว่า ภาวะวิกฤตแล้งปีนี้รุนแรงมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา หากระดับน้ำลดลงมากกว่านี้อีก แพทั้งหมดจะไม่มีทางไป สุดท้ายสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งของจ.อุตรดิตถ์จะต้องปิดตัวอย่างแน่นอน
สำหรับเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีความจุ 9,510 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ปัจจุบันเหลือน้ำในเขื่อนเพียง 4,012 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 42 โดยยังสามารถปล่อยน้ำลงพื้นที่ด้านล่างให้เกษตรกรและประชาชนได้ใช้อีกเพียง 1,100 ล้านบูกบากศ์เมตรเท่านั้น พร้อมลดการปล่อยน้ำจากวันละ 15 ล้านลูกบาศก์เมตรเป็นวันละ 14 ล้านลูกบาศก์เมตร
ดังนั้น ทางเขื่อนจึงขอให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้สามารถผ่านพ้นในช่วงหน้าแล้งปีนี้ไปให้ได้ ก่อนที่จะมีฝนตกลงมา ขณะศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง ยังคงออกเร่งทำฝนเทียม เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและเติมปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ในภาคเหนือ โดยเฉพาะเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนภูมิพล จ.ตาก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน
Credit: http://news.thaipbs.or.th/