ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือประกาศเตือนประชาชนให้ระวังอันตรายจากพายุที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะนี้ ส่วนพายุลูกเห็บที่เกิดขึ้นเมื่อ30-31มี.ค2556 ทำให้ชาวบ้านในจังหวัดลำปางเสียชีวิต 1 คน ขณะที่จังหวัดเชียงรายบ้านเรือนได้รับผลกระทบกว่า 6,000 หลัง
ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือประกาศเตือนประชาชนให้ระวังอันตรายจากพายุที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะนี้ ส่วนพายุลูกเห็บที่เกิดขึ้นเมื่อ30-31มี.ค2556 ทำให้ชาวบ้านในจังหวัดลำปางเสียชีวิต 1 คน ขณะที่จังหวัดเชียงรายบ้านเรือนได้รับผลกระทบกว่า 6,000 หลัง
เจ้าหน้าที่เร่งนำทหารจากจังหวัดทหารบกเชียงราย ที่เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้าน หมู่บ้านเวียงหวาย ตำบลแม่กรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ส่งโรงพยาบาล หลังถูกเศษกระเบื้องตกใส่ ขณะเข้าไปช่วยซ่อมแซมหลังคาบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจากพายุลูกเห็บเมื่อวันที่ 30 มีนาคม2556
ส่วนการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ยังคงเร่งแจกกระเบื้อง และซ่อมแซมหลังคาให้กับชาวบ้าน เนื่องจากระยะนี้ยังคงมีฝนตกลงมาต่อเนื่อง สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดเชียงราย สรุปพื้นที่ประสบภัยพายุลูกเห็บ พบว่ามี 12 อำเภอ 34 ตำบล บ้านเรือนกว่า 6,000หลังได้รับผลกระทบ
ส่วนพายุที่เกิดขึ้นในจังหวัดลำปางเมื่อช่วงค่ำวันที่ 31 มีนาคมที่บ้านปกกาพัฒนา หมู่ 6 ตำบลแม่กัวะ อำเภอสบปราบ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน ทราบชื่อคือนายบุญส่ง คำวัน อายุ 60 ปี โดยถูกกระท่อมกลางทุ่งนาล้มทับร่างเสียชีวิต ขณะเข้าไปหลบพายุ นอกจากนี้ยังมีบ้านเรือน ที่ถูกลูกเห็บตกใส่หลังคากระเบื้องแตกอีกกว่า 10 หลัง
เช่นเดียวกับชาวบ้านในตำบลแก้งไก่และเขตเทศบาลตำบลสังคม อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ที่เข้าสำรวจบ้านเรือนของตัวเอง หลังได้รับความเสียหาย จากพายุฤดูร้อนพัดถล่มเมื่อคืนที่ผ่านมา เบื้องต้นมีบ้านเรือนได้รับความเสียหายกว่า 200 หลัง ต้นยางพาราหักโค่เสียหายกว่า 100 ไร่ เสาไฟฟ้าล้ม จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าได้ ล่าสุดอยู่ระหว่างสำรวจความเสียหาย เพื่อรายงานไปยังจังหวัด พิจารณาบประมาณช่วยเหลือ
ขณะที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือรายงานว่า จากความกดอากาศ ที่ยังคงปกคลุมภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือในขณะนี้ จะทำให้พื้นที่ตอนบนของภาคเหนือ ยังคงมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชคแรงบางพื้นที่ โดยอุณภูมิสูงสุดเมื่อวานนี้วัดได้ถึง 40.2 องศาเซลเซียสเซียส ที่เขื่อนภูมิพล อำเภอสามเงา จังหวัดตาก คาดการณ์อุณหภูมิสูงสุดวันนี้อยู่ที่ 39 องศาเซลเซียสที่จังหวัดลำปาง และ ลำพูน
Credit: http://news.thaipbs.or.th/