สถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ เริ่มขยายวงกว้างมากขึ้น ขณะนี้หลายจังหวัดวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ เกินมาตรฐาน ทำให้หน่วยงานต่างๆ ต้องเร่งเฝ้าระวัง และแก้ปัญหา ส่วนสาเหตุหลักยังคงเกิดจากการลักลอบเผาอย่างต่อเนื่อง
ทหารหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 31 และเจ้าหน้าที่ควบคุมไฟป่า นำกำลังเข้าดับไฟไหม้ป่า บริเวณบ้านนาคำ หมู่ที่ 1 ตำบลศิลาเพชร อำเภอปัว จังหวัดน่าน หลังมีผู้ลักลอบเผา ซึ่งการเผาในที่โล่ง และไฟป่าที่เกิดขึ้นส่งผลให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และบางวันวัดคุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐาน
ขณะที่ในพื้นที่ภาคเหนือ มี 4 จังหวัดคือ จังหวัดลำปาง, จังหวัดเชียงราย, จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดน่าน ที่มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ เกินค่ามาตรฐาน ที่กำหนดไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยในเขตเมืองเชียงราย ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยหมอกควันหนา ส่งผลให้ทัศนะวิสัยในการขับขี่ลดลง ซึ่งเจ้าหน้าที่ยอมรับว่าสาเหตุเป็นเพราะการลักลอบเผาอย่างต่อเนื่อง
เช่นเดียวกับที่จังหวัดลำพูน ที่วัดค่าฝุ่นละอองพบว่าเกินค่ามาตรฐานต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 แล้ว โดยวัดได้ 139 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกิดจุดฮอตสปอร์ต ถึง 184 จุด มีพื้นที่ป่าเสียหายกว่า 1,000 ไร่ ขณะที่นายพินิจ หาญพาณิชย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ได้กำชับให้ 8 อำเภอ เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอความร่วมมืองดการเผาขยะ เศษวัชพืช ที่จะทำให้เกิดหมอกควัน เพราะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน เศรษฐกิจ รวมทั้งการท่องเที่ยว
ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า ช่วงวันที่ 18-20 มีนาคมนี้ จะมีฝน และลมแรงบางแห่งของภาคเหนือ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคาดว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาได้ในระยะหนึ่ง
Credit: http://news.thaipbs.or.th