มีรายงานผู้เสียชีวิตมากกว่า 230 รายในรัฐบริติชโคลัมเบียของแคนาดา นับตั้งแต่วันศุกร์ (25 มิ.ย.) เป็นต้นมา หลังคลื่นความร้อนครั้งประวัติศาสตร์นำมาซึ่งอุณหภูมิอันร้อนระอุ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่เมื่อวันอังคาร (29 มิ.ย.) หัวหน้าเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพของรัฐถึงขั้นเรียกมันว่าเป็นช่วงเวลาเลวร้ายอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
“นับตั้งแต่การย่างกรายเข้ามาของคลื่นความร้อนในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว หน่วยงานชันสูตรศพของรัฐบริติชโคลัมเบียได้รับรายงานมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งต้องสงสัยว่าสภาพอากาศรุนแรงเป็นปัจจัยสำคัญ” ลิซา ลาพอยเต หัวหน้าเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพระบุในถ้อยแถลง
ปกติแล้วหน่วยงานชันสูตรศพจะได้รับรายงานการเสียชีวิตราว 130 ศพในช่วง 4 วัน ทว่า ช่วงวันศุกร์ที่แล้ว (25 มิ.ย.) จนถึงวันจันทร์ (28 มิ.ย.) หน่วยงานได้รับรายงานผู้เสียชีวิต 233 ราย พร้อมระบุว่า “จำนวนผู้เสียชีวิตน่าจะสูงกว่านี้ ในขณะที่จะมีการอัปเดตข้อมูลเป็นระยะๆ”
เวลานี้บรรดาเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อสรุปสาเหตุและรูปแบบของการเสียชีวิต รวมถึงสรุปว่าสภาพอากาศที่ร้อนระอุมีความเกี่ยวข้องกับการตายเหล่านั้นหรือไม่
“การสัมผัสสภาพแวดล้อมอันร้อนจัดอาจนำมาซึ่งผลลัพธ์รุนแรงหรือถึงตาย โดยเฉพาะกับคนสูงวัย ทารกและเด็กน้อย รวมถึงบุคคลที่ป่วยเรื้อรัง” ถ้อยแถลงระบุ
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็รายงานพบผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นอย่างฉับพลันในเมืองแวนคูเวอร์ เมืองเบอร์นาบี และเมืองเซอร์รีย์เช่นกัน
ตำรวจแวนคูเวอร์เปิดเผยว่าได้รับแจ้งเกี่ยวกับเหตุเสียชีวิตกะทันหันของประชาชนมากกว่า 65 รายนับตั้งแต่คลื่นความร้อนเริ่มต้นขึ้นในวันศุกร์ (25 มิ.ย.) “แค่วันนี้วันเดียว จนถึงเวลา 13.45 น. เจ้าหน้าที่ตอบสนองต่อเหตุเสียชีวิตกะทันหันแล้ว 20 ศพ และมีอีกกว่า 10 ศพที่รอการไปถึงของตำรวจ” กรมตำรวจระบุในถ้อยแถลง
เหตุเสียชีวิตจากสภาพอากาศร้อนจัดเป็นผลให้ทรัพยากรต่างๆ ในการตอบสนองต่อวิกฤตร่อยหรอ ในนั้นรวมถึงทรัพยากรบุคคล ส่งผลให้การตอบสนองของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างล่าช้ามากๆ
“เราไม่เคยเจออากาศร้อนเช่นนี้มาก่อนเลยในแวนคูเวอร์” เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารมวลชนของตำรวจกล่าวระหว่างแถลงข่าว
ในย่านกลางเมืองแวนคูเวอร์วัดอุณหภูมิได้ 98.6 องศาฟาเรนไฮต์ (ประมาณ 37 องศาเซลเซียส) ในวันเสาร์ (26 มิ.ย.) 99.5 องศาฟาเรนไฮต์ (ประมาณ 37.5 องศาเซลเซียส) ในวันอาทิตย์ (27 มิ.ย.) และ 101.5 องศาฟาเรนไฮต์ (ประมาณ 38.6 องศาเซลเซียส) ในวันจันทร์ (28 มิ.ย.)
นอกจากนี้แล้ว ตำรวจเปิดเผยว่าได้รับแจ้งเหตุเสียชีวิตกะทันหัน 35 รายในเมืองเซอร์รีย์ ที่อยู่ใกล้ๆ กันนับตั้งแต่วันจันทร์ (28 มิ.ย.) “ในขณะที่สาเหตุของการเสียชีวิตยังไม่ได้ข้อสรุปในแต่ละเคส เราสามารถยืนยันว่าตำรวจเซอร์รีย์ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากผิดปกติ นับตั้งแต่เริ่มประสบกับสภาพอากาศรุนแรง”
ที่เมืองเบอร์นาบี ตำรวจได้รับแจ้งเหตุเสียชีวิตกะทันหันมากกว่า 34 รายนับตั้งแต่วันจันทร์ (28 มิ.ย.) และเชื่อว่าความร้อนเป็นปัจจัยร่วมสำคัญในบรรดาผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ ตำรวจระบุ “เรากำลังเห็นสภาพอากาศรุนแรงนี้สามารถก่ออันตรายถึงตายแก่สมาชิกกลุ่มอ่อนแอของชุมชนของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนชราและคนมีโรคประจำตัว หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราต้องคอยดูแลคนอื่นๆ ระหว่างอุณหภูมิร้อนระอุนี้”
เจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเซอร์รีย์แนะนำให้ประชาชนทุกคน โดยเฉพาะคนสูงวัย ใช้มาตรการป้องกันไว้ก่อนในการป้องกันตนเองจากผลกระทบสภาพอากาศอันร้อนระอุ
เบื้องต้นซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ในเมืองลิตตัน รัฐบริติชโคลัมเบีย วัดอุณหภูมิได้ถึง 117.5 องศาฟาเรนไฮต์ (ประมาณ 47.5 องศาเซลเซียส) เมื่อวันจันทร์ (28 มิ.ย.) ถือเป็นอุณหภูมิสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในแคนาดา ร้อนระอุกว่าอุณหภูมิปกติในช่วงนี้ในแต่ละปีถึง 48 องศาฟาเรนไฮต์ (ประมาณ 8.8 องศาเซลเซียส)
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติระบุว่า แคนาดาทุบสถิติอุณหภูมิสูงสุดเท่าที่เคยมีมาอีกครั้งในวันอังคาร (29 มิ.ย.) ที่เมืองลิตตัน ถือเป็นการทุบสถิติเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ท่ามกลางอากาศร้อนระอุเล่นงานทางภาคตะวันตกของประเทศและทางตะวันตกเฉียงเหนือฝั่งมหาสมทุทรแปซิฟิกของสหรัฐฯ
“ตอนเวลา 16.20 น. สถานีอากาศลีตตันรายงานอุณหภูมิ 49.5 องศาเซลเซียส เป็นอุณหภูมิสูงสุดของวันและทุบสถิติอุณหภูมิสูงสุดเท่าที่เคยมีมาเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน” ศูนย์สิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศของแคนาดาโพสต์บนทวิตเตอร์ ซึ่งเทียบเท่ากับอุณหภูมิ 121 องศาฟาเรนไฮต์
(ที่มา : ซีเอ็นเอ็น/เอเอฟพี)
ที่มาและภาพประกอบ : https://mgronline.com/around/detail/9640000063190