ชาวออสเตรเลียและนักท่องเที่ยวหลายพันคนหนีลงในทะเลที่ชายหาดเพื่อหนีไฟป่าที่กำลังลุกโหมในเมืองแห่งหนึ่งของรัฐวิกตอเรียทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศออสเตรเลีย
ผู้อยู่อาศัยในวิคตอเรียทาวน์ของเมืองแมลลาคูตา (Mallacoota) ในรัฐวิกตอเรียทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย เปิดเผยว่าไฟป่าได้ลุกลามเข้ามายังเขตของเมืองในย่านที่พักอาศัยของประชาชนในช่วงเช้าวันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ได้รายงานเหตุไฟป่าและโพสต์ภาพกลุ่มควันไฟสีดำก่อนที่ท้องฟ้าจะกลายเป็นสีแดงเพลิง
เจ้าหน้าที่หน่วยงานป้องกันภัยฉุกเฉินของรัฐวิกตอเรีย ระบุว่า “ขณะนี้เมืองแมลลาคูตากำลังถูกโจมตีโดยไฟป่า” และมีผู้คนที่หนีไฟป่าลงไปที่บริเวณชายหาดราว 4,000 คน ในโซเชียลมีเดีย ปรากฏภาพผู้ประสบภัยลอยเรืออยู่ในทะเล บางส่วนมาอยู่รวมกันที่สถานที่ปลอดภัย ขณะที่นักผจญเพลิงมุ่งเข้าช่วยชีวิตคนก่อนเป็นอันดับแรก โดยที่มีรายงานว่าบ้านประชาชนหลายหลังคาเรือนถูกไฟไหม้ป่าเสียหายแล้ว
เจ้าหน้าที่ของรัฐวิกตอเรีย ระบุอีกว่า หลายวันที่ผ่านมาไฟป่าได้ลุกลามเข้าเขตเมือง สร้างความเสียหายแก่จุดที่เป็นกลุ่มบ้านเรือนอาคารสถานที่จำนวนมากในเขตอีสต์กิปส์แลนด์ เขาระบุอีกว่า สาเหตุที่เปลวไฟลุกลามหนักช่วงนี้เกิดจาก อุณหภูมิที่สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ประกอบกับลมแรง ทำให้ไฟป่าเพิ่มขึ้นอีกกว่า 200 จุด ทั่วทั้งรัฐวิกตอเรีย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ชายหาดสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมหลายแห่งตลอดชายฝั่ง ตั้งแต่เมืองซิดนีย์ไปจนเมืองเมลเบิร์น กำลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ควันไฟและเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากไฟป่า โดยบริเวณที่ทางการประกาศให้สถานการณ์ไฟป่าอยู่ใน “ระดับฉุกเฉิน” ยาวต่อเนื่องเป็นระยะทาง 500 กิโลเมตร ตั้งแต่อ่าวเบทมันส์ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ถึงเมืองเบนส์เดลในรัฐวิกตอเรีย
นอกจากนี้ ผู้อยู่อาศัยในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ก็อพยพมาอยู่ที่บริเวณชายหาดของเมืองเช่นกัน ทางการได้ประกาศให้ประชาชนในภูมิภาคนี้ ซึ่งจำนวนมากเป็นนักท่องเที่ยว ไม่เคลื่อนย้ายอพยพออกจากพื้นที่ เพราะอันตรายและล่าช้าเกินไปที่จะหนีออกจากเมือง
สถานการณ์ไฟป่าออสเตรเลียในขณะนี้กำลังเข้าขั้นวิกฤต ไฟป่าได้เผาทำลายพื้นที่ในประเทศไปแล้วหลายล้านเฮกตาร์ในรัฐทางตะวันออกตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา พลเรือนและนักผจญเพลิงเสียชีวตอย่างน้อย 10 คน