ทะเลที่อบอุ่นขึ้นรอบแนวปะการังเกรท แบริเออร์ รีฟ นอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย ฆ่าปะการังราว 2 ใน 3 ของแนวตอนเหนือ ความยาว 700 กม. ในระยะ 9 เดือนที่ผ่านมา จากการเปิดเผยของนักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมคณะสำรวจเมื่อวันอังคาร
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ว่า นับเป็นการตายหมู่ครั้งเลวร้ายสุด เท่าที่เคยมีการบันทึก ในแนวปะการังที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ และสร้างรายได้เข้าประเทศจากการท่องเที่ยวประมาณปีละ 5,200 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (137,910 ล้านบาท) จากรายงานของ เดอลัวต์ แอคเซส อีโคนอมิกส์ เมื่อปี พ.ศ. 2556
ศาสตราจารย์แอนดรูว์ แบร์ด นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยเจมส์ คุก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทีมสำรวจแนวปะการังเกรท แบริเออร์ รีฟ กล่าวว่า การตายหมู่ของปะการังที่พบ ถือเป็นครั้งใหญ่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึก เนื่องจากขนาดของเกรท แบริเออร์ รีฟ ที่ครอบคลุมพื้นที่ 348,000 ตารางกิโลเมตร เป็นแนวปะการังขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
การฟอกขาวเกิดขึ้นเมื่อน้ำทะเลอบอุ่นมากเกินไป ทำให้ปะการังต้องขับไล่สาหร่ายที่ใช้ดำรงชีวิต และเป็นสาเหตุให้มันจับตัวแข็งเป็นหิน และกลายเป็นสีขาว ปะการังฟอกขาวขนาดอ่อนสามารถฟื้นตัวได้ หากอุณหภูมิลดลง และการสำรวจพบปรากฏการณ์นี้ ในส่วนใต้ของแนวปะการังเกรท แบริเออร์ รีฟ ซึ่งอัตราการตายของปะการังต่ำกว่ามาก
ขณะที่การฟอกขาวปรากฏตามธรรมชาติ แต่นักวิทยาศาสตร์วิตกว่า อุณภูมิทะเลที่สูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน จะขยายความเสียหาย ทำให้ระบบนิเวศใต้ทะเลที่เปราะบาง ไม่สามารถกลับคืนเดิมได้
อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/foreign/539706