กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุพายุ 2 ลุก คือ พายุไตฝุ่นเจอลาวัต ที่ก่อตัวใกล้ประเทศฟิลิปปินส์ และ พายุโซนร้อน เอวิเนียร์ บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก และมีแนวเคลื่อนตัวไปที่ญี่ปุ่น จะไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย แต่ประเทศไทยจะยังเผชิญกับภาวะฝนตกหนักถึงหนักมากต่อไป เนื่องจากร่องมรสุม โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้ จะมีฝนตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้(26 ก.ย.55) คลื่นลมมีกำลังแรง ส่วนกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มีฝนตกร้อยละ 90 ของพื้นที่
ด้านสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำ และ อุทกภัยแห่งชาติ หรือ สบอช. ระบุสถานการณ์ฝนในพื้นที่กรุงเทพมหานครว่าจะมีฝนตกต่อเนื่องไปถึงวันที่ 30 กันยายน ซึ่งปริมาณฝนที่ตกมาก และตกเป็นเวลานาน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายจุดในพื้นที่ กทม.เกิดปัญหาน้ำท่วมขัง ซึ่งกทม.รายงานว่าสามารถระบายน้ำที่ท่วมขังให้เข้าสู่ภาวะปกติได้เฉลี่ย 2- 3 ชั่วโมง
ขณะที่ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาว่า มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากฝนตอนบนของประเทศมีปริมาณลดลงแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณืฝนตกหนักในพื้นที่ภาคกลางระยะนี้ เพราะอาจส่งผลให้มีน้ำท่าไหลสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างมากขึ้น
น้ำที่ท่วมขังในหลายจังหวัดภาคเหนือ เริ่มลดระดับลง ทำให้ชาวบ้านเริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ในพื้นที่ลุ่มต่ำยังคงได้รับผลกระทบจากน้ำที่ท่วมสูง เช่น จ.พิษณุโลก ชาวบ้านในอ.บางระกำ ยังคงต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางน้ำที่ท่วมสูง แม้ว่าล่าสุด ที่สถานีวัดระดับน้ำ Y16 ด้านหลังที่ว่าการอำเภอบางระกำ ระดับน้ำจะลดลงอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยชั่วโมงละ 5 มิลลิเมตร แต่ระดับน้ำยังเหลืออยู่ที่ 8 เมตร 96 เซ็นติเมตร
ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนในต.สามง่าม อ.สามง่าม จ.พิจิตร ยังคงอาศัยเพิงพักชั่วคราว หลังระดับน้ำในแม่น้ำยมยังคงล้นตลิ่ง ไหลท่วมชุมชนมานานกว่า 2 สัปดาห์ ชาวบ้านต้องใช้เรือเป็นพาหนะในการเดินทางเข้าออก
ส่วนจังหวัดนครสวรรค์มีพื้นที่ประสบอุทกภัยในเขตอ.ชุมแสง และอ.เมือง ซึ่งชลประทานจังหวัดระบุว่า สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง เพราะสามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำน่านได้ แต่ให้เฝ้าระวังฝนตกหนักในช่วงปลายเดือนนี้ รวมทั้งมวลน้ำจากจ.พิษณุโลกและพิจิตร ที่จะไหลมาสมทบ
Credit: http://news.thaipbs.or.th