สถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้ ยังมีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมใน 10 จังหวัด 42 อำเภอ ทั้งในภาคเหนือ และภาคกลาง หลายจังหวัดยังเตือนผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยยังต้องเฝ้าระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก จากฝนที่ยังตกหนักจนถึงวันที่ 18 กันยายน ขณะที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เตือนน้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่ม ในพื้นที่ภาคเหนือ และตะวันออก
นาวาเอก สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ระบุว่า พื้นที่อ.ศรีสัชนาลัย อ.สวรรคโลก อ.ศรีสำโรง และอ.เมืองสุโขทัย ซึ่งอ.บางระกำ จ.พิษณุโลก มีแนวโน้มที่จะมีน้ำล้นตลิ่งเพิ่มขึ้นอีก และพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังดินโคลนถล่ม คือ อ.เกาะช้าง จ.ตราด และอ.พลิ้ว จ.จันทบุรี
จนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่ยังคงพยายามอุดรอยรั่ว ตามแนวกั้นเพื่อกันไม่ให้น้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจในตัวเมืองสุโขทัย น้ำจากจ.สุโขทัย จะไหลไปที่จ.พิษณุโลก โดยชลประทานจ.พิษณุโลกประเมินว่า ใน 1-2 วันนี้ มวลน้ำจะเข้าสู่จังหวัด ระดับน้ำที่ท่วมใน 3 อำเภอ คือ อ.บางระกำ อ.พรหมพิราม และอ.เมือง จะสูงขึ้นอีก 50-70 เซนติเมตร
นอกจากนี้ ยังมีคำเตือนให้ผู้ที่อยู่ในที่ลุ่มต่ำ จ.แพร่ ในอ.เมืองแพร่ อ.สูงเม่น อ.เด่นชัย ให้ยกของขึ้นที่สูง ส่วนที่จ.อุตรดิตถ์ ยังมีน้ำท่วม ใน 2 อำเภอ ที่อำเภอลับแล และอ.ตรอน ในภาคกลาง จ.ลพบุรี น้ำยังท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ โดยระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น 5-10 เซนติเมตร จังหวัดอ่างทอง มีพื้นที่ที่ถูกประกาศภัยพิบัติฉุกเฉิน 5 อำเภอ
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานว่า ขณะที่มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมใน 10 จังหวัด คือ สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ ชัยนาท สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ชัยภูมิ ลำปาง และแพร่ มีผู้ประสบภัยกว่า 50,000 ครัวเรือน หรือกว่า 130,000 คน
ขอขอบคุณ http://news.thaipbs.or.th