พายุโซนร้อนปาข่า นับเป็นพายุลูกที่ 3 ที่เกิดขึ้นในปีนี้ ซึ่งนักวิชาการด้านภัยพิบัติวิเคราะห์ว่าเป็นสถานการณ์ผิดปกติ และเตือนว่าขณะนี้ไทยได้เข้าสู่ฤดูกาลพายุแล้ว ทั้งที่โดยปกติฤดูพายุที่เร็วที่สุดจะเริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม และพายุที่จะเกิดขึ้นต่อไปอาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำท่วมได้อีกในปีนี้
ศ.ธนวัตน์ จารุพงษ์สกุล หัวหน้าหน่วยศึกษาพิบัติภัยและข้อเสนอสนเทศเชิงพื้นที่ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์แนวโน้มพายุที่ก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกว่าประเทศไทยอาจได้รับผลกระทบจากพายุมากขึ้นในปีนี้ เพราะขณะนี้เป็นปีที่ปรากฎการณ์ลานินญ่าอ่อนตัวลงกำลังเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งจะทำให้พายุก่อตัวได้ง่ายขึ้นในทะเลจีนใต้ และอ่าวไทย สถิติชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกพายุไต้ฝุ่น หรือ พายุโซนร้อน พัดกระหน่ำเข้าสู่ภาคเหนือ ภาคกลาง และกรุงเทพมหานครโดยตรงอย่างที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2549 ที่เคยเกิดน้ำท่วมใหญ่ในภาคกลางจากอิทธิพลของพายุช้างสาร ขณะที่ภาคใต้ตอนบนก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน
ขณะที่สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตรให้ข้อมูลว่า แม้ขณะนี้พายุปาข่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว แต่แบบจำลองของสถาบันแสดงให้เห็นว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (4 เม.ย.) บางส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกจะเริ่มมีฝนตก ซึ่งจะเป็นลักษณะฝนกระจาย แต่หลังจากนั้นประเทศไทยจะได้รับอิทธิพลจากลมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมจากมหาสมุทรอินเดียที่พัดเข้ามาสู่ประเทศไทย จึงจะทำให้มีฝนตกเกือบทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 4-8 เมษายน โดยอาจจะมีฝนตกหนักในจังหวัดที่เป็นสีแดง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลางบางส่วน
ขอขอบคุณ http://news.thaipbs.or.th