สถานการณ์น้ำท่วมลุ่มน้ำภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน ยังน่าห่วง หลายจังหวัดต้องเตรียมรับมือกับมวลน้ำที่เขื่อนสิริกิติ์ปล่อยออกมา
เช่นที่จังหวัดพิษณุโลก เจ้าหน้าที่ศิลปากรที่ 6 สุโขทัย ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำหลายตัว เพื่อสูบน้ำท่วมออกจากเขตพระรากฐาน พระราชวังจันทน์ พร้อมกันนี้ยังได้ลำเลียงกระสอบทรายมาทำแนวกั้นตลิ่งแม่น้ำน่านเพิ่มสูงขึ้นอีกประมาณ 50 เซนติเมตร เพื่อป้องกันน้ำท่วมซ้ำ
ขณะเดียวกันทาง อบจ.พิษณุโลก และทหารกองทัพภาคที่ 3 กำลังเร่งช่วยกันกรอกกระสอบทรายจำนวน 2 หมื่นถุง เพื่อนำไปกั้นตลิ่งแม่น้ำน่านบริเวณบ้านบางพยอม ตำบลหัวรอ อำเภอเมืองพิษณุโลก ไปจนถึงบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำน่าน ระยะทาง 5 กิโลเมตร เพื่อป้องกันน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมเขตเมือง หลังจากที่ปริมาณน้ำน่านที่ไหลผ่านจังหวัดพิษณุโลก มีระดับสูงขึ้นต่อเนื่อง
เช่นเดียวกับที่จังหวัดนครสวรรค์ เร่งสูบน้ำจากชุมชนเดชาพัฒนา ตำบลนครสวรรค์ออก เพื่อระบายน้ำท่วมขังลงแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมกับระดมรถบรรทุกหินคลุกอีกนับ 10 คัน เพื่อทำแนวป้องกันน้ำล้นแนวตลิ่งระยะทางกว่า 300 เมตร โดยจะจัดสร้างเชื่อนป้องกันน้ำท่วมตั้งแต่ตลาดสะพานดำ ไปจนถึงป้อม 1 คาดว่าจะสามารถรับมือกับระดับน้ำได้
ส่วนที่จังหวัดอุทัยธานี แม่น้ำเจ้าพระยาไหลเชี่ยวกราก โดยเฉพาะที่หมู่ 2 บ้านท่ารากหวาย ตำบลเกาะเทโพ น้ำได้กัดเซาะตลิ่งริมถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นระยะทางยาวกว่า 200 เมตร ขณะที่กรมเจ้าท่า เร่งก่อสร้างเขื่อนเรียงหินริมน้ำเจ้าพระยา คาดจะแล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ก่อนที่ปริมาณน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีก เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำกัดเซาะจนน้ำไหลเข้าไปสร้างความเดือดร้อนให้กับบ้านเรือน
และที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัด ลงพื้นที่ตำบลบางหัก อำเภอบางบาล เพื่อติดตามการให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมจนบ้านเรือน ไร่นา และพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายประมาณ 300 ครัวเรือน ใน 8 หมู่บ้าน ซึ่งข้อมูลของกรมชลประทาน แจ้งว่าสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเริ่มทรงตัว ในช่วงสามถึงสี่วันข้างหน้าจะไม่สูงมากกว่านี้
ขอขอบคุณ http://www.krobkruakao.com