เมื่อช่วงสายวันที่ 11 พ.ค. นายสุเทพ รื่นถวิล หน.สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงผลกระทบจากพายุฤดูร้อนหรือวาตภัยพัดถล่มในหลายพื้นที่ ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนและสถานที่ต่างๆได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 -9 พ.ค.ที่ผ่านมา มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนแล้วทั้งสิ้น 15 อำเภอ 37 ตำบล 86 หมู่บ้าน มีประชาชนเดือดร้อนกว่า 1,600 คน บ้านเรือนได้รับความเสียหายกว่า 500 หลังคาเรือน ยุ้งข้าวเสียหายกว่า 30 หลัง โรงเลี้ยงสัตว์กว่า 10 หลัง สถานที่ราชการเสียหาย 2 แห่ง วัด 1 แห่ง โรงสีข้าว 2 โรง ทั้งนี้ ทางจังหวัดนครราชสีมาได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ออกไปสำรวจความเสียหาย พร้อมกับระดมความช่วยเหลือนำถุงยังชีพไปแจกจ่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในทุกพื้นที่
ขณะเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ว่าในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 11-15 พ.ค.นี้ จะมีปริมาณฝนฟ้าคะนองเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับจะมีลมกระโชกแรงในหลายพื้นที่ และฝากเตือนประชาชนให้อยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา เร่งตรวจสอบบ้านเรือนและที่อยู่อาศัยให้มั่นคงแข็งแรงเพื่อป้องกันความเสียหายจากลมกระโชกแรงที่อาจจะเกิดขึ้น
จ.บึงกาฬ ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 09.00 น.วันเดียวกันมีเหตุเพลิงไหม้สวนยางพาราของชาวบ้านอยู่ใกล้กับที่ทำการสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.บึงกาฬ จำกัด และด้านหลังสถานีไฟฟ้าแรงสูง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.บึงกาฬ อากาศที่ร้อนระอุและลมกระโชกแรงทำให้ไฟลุกไหม้ลามเข้าสวนยางพาราอย่างรวดเร็ว ทาง อบต.บึงกาฬได้สั่งให้รถดับเพลิงออกมาฉีดน้ำสกัด แต่เนื่องไฟไหม้ลุกลามเข้าไปในป่าห่างจากถนนประมาณ 200 เมตร รถดับเพลิงเข้าไปไม่ถึง ต่อมานายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผวจ.บึงกาฬ และนายจำรัส กังน้อย นายอำเภอเมืองบึงกาฬ พร้อมด้วยนายสุนทร วังสะพันธ์ กำนัน ต.บึงกาฬ รุดไปที่เกิดเหตุ โดย ผวจ.สั่งให้รถดับเพลิง อบต.โนนสมบูรณ์ เทศบาลบึงกาฬและรถดับเพลิงเทศบาลวิศิษฐ์เข้ามาเสริมอีก 4 คัน ใช้เวลา 2 ชั่วโมงจึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้
นายพงษ์ศักดิ์ ผวจ.บึงกาฬ กล่าวว่า สาเหตุการเกิดไฟไหม้ในครั้งนี้ ทราบว่าเกิดจากชาวบ้านจุดไฟเผาป่า หาเห็ดป่า ต้นข่าป่า ซึ่งเป็นการเห็นแก่ตัวและกระทำผิดกฎหมายบ้านเมือง จึงขอฝากเตือนพี่น้องประชาชนให้เลิกพฤติกรรมนี้เสีย เพราะนอกจากสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินของบุคคลและส่วนราชการแล้ว ยังก่อให้เกิดผลเสียต่อสภาวะอากาศของโลก เกิดสภาวะเรือนกระจก อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นและเสียสมดุลตามธรรมชาติ เช่น การเกิดของพายุที่มีอานุภาพรุนแรงอย่างเช่นปัจจุบัน
จ.ตราด ช่วงบ่ายวันที่ 11 พ.ค. พ.อ.กฤษฏิ์ชัย จำนงค์เนียร ผบ.หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 14 สนง.พัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย สั่งการให้กำลังพล นพค.14 นำรถบรรทุกน้ำอุปโภคบริโภคออกแจกจ่ายประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ หมู่ 2 ต.บ่อพลอย อ.บ่อไร่ จ.ตราด หลังจากหลายพื้นที่ของ อ.บ่อไร่ เข้าขั้นวิกฤติขาดแคลนน้ำใช้อุปโภคบริโภคในครัวเรือน ขณะที่ระบบการประปาของหมู่บ้านหลายแห่งไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากน้ำแห้งสนิท ประชาชนส่วนใหญ่ต้องอาศัยน้ำจากทางเจ้าหน้าที่ภาครัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นำรถบรรทุกน้ำเข้ามาแจกจ่าย
นายอนันต์ ดอกไม้ นายก อบต.บ่อพลอย เปิดเผยว่า พื้นที่ ต.บ่อพลอยประสบปัญหาภัยแล้ง 7 หมู่บ้าน อบต.ต้องจัดเจ้าหน้าที่นำรถบรรทุกน้ำ 2 คัน ออกแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคให้ประชาชนทุกวัน รวมแล้วแจกจ่ายน้ำไม่ต่ำกว่า 30 รอบต่อวัน แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงต้องขอความช่วยเหลือไปยังทหารหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 14 ให้นำรถบรรทุกน้ำพร้อมเจ้าหน้าที่ออกมาช่วยเหลือ โดยสับเปลี่ยนหมุนเวียนแจกจ่ายน้ำให้ครบทั้ง 7 หมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนมีน้ำอุปโภคบริโภคให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤติภัยแล้งนี้ไปได้.
ที่มาของข่าวและภาพประกอบ https://www.thairath.co.th/content/619052