เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสภาพอากาศที่แห้งแล้งใน จ.น่าน ส่งผลให้ลำน้ำต่างๆแห้งขอด แม่น้ำสายหลักตื้นเขินสันดอนทรายโผล่เป็นช่วงๆ เกษตรกรบ้านท่าลี่ ต.ในเวีย งอ.เมืองน่าน และบ้านศรีบุญเรือง ต.ม่วงตึ๊ด อ.ภูเพียง ซึ่งพักอาศัยอยู่ตามริมน้ำน่าน ซึ่งเคยประกอบอาชีพปลูกพืชผักไม่สามารถปลูกได้ต้องเปลี่ยนอาชีพนำวิถีชีวิตโบราณด้วยการออกไปดำน้ำหาหินและทรายขึ้นมาขาย โดยการนำเกวียนเทียมวัวออกไปกลางแม่น้ำบริเวณที่ตื้นเขินมีหินทรายโผล่ แล้วดำน้ำใช้บุ้งกี๋ตักหินทรายร่อนเศษดินและวัสดุที่ไม่ต้องการออกจนหมดจากนั้นก็เทลงใส่เกวียนจนเต็มแล้วลากขึ้นมาขายให้พ่อค้าซึ่งจะนำรถมาซื้อริมฝั่งแม่น้ำลูกบาศก์เมตรหรือคิวละ 400 บาทเพื่อเลี้ยงชีพช่วงหน้าแล้งแต่ก็ถือว่าพลิกวิกฤติเป็นโอกาสสร้างรายได้วันละกว่า 800 บาท
นายถวิล ธิมา อายุ 57 ปี ชาวบ้านบ้านท่าลี่ผู้ผันตัวเองจากการปลูกพืชริมน้ำน่านเปิดเผยว่า ช่วงหน้าแล้งน้ำในแม่น้ำแห้งขอดทำให้ไม่สามารถปลูกพืชผักได้ จึงนำวิถีชีวิตดั้งเดิมด้วยการดำน้ำหาหินกรวดและทราย ที่ไหลมากับน้ำช่วงหน้าน้ำหลากทุกๆปีใส่เกวียนใช้วัวลากขึ้นมาขายให้กับพ่อค้าซึ่งจะขับรถปิกอัพมารอรับซื้อในราคาคิวละ 400 บาท วันหนึ่งออกแรงขุดทรายเทียมเกวียนไปส่งขายวันละ 5-6 รอบมีรายได้วันละกว่า 800 บาท กว่าจะหมดฤดูแล้งคาดว่าจะดำหาทรายขายได้ไม่ต่ำกว่า 50,000-60,000 บาท ถือว่าคุ้มค่ากับการเหนื่อย นอกจากนี้ การดำน้ำหาทรายยังเป็นการช่วยขุดลอกแม่น้ำที่กำลังตื้นเขิน ให้ลึกขึ้นและมีน้ำมากขึ้นอีกด้วย.
Credit : http://www.dailynews.co.th