เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนาในพื้นที่ อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งมีที่นาอยู่ติดกับลำน้ำลำพระเพลิง ต่างพากันเร่งสูบน้ำภายในลำน้ำเพื่อนำขึ้นมาเตรียมแปลงนาและตกกล้าเพื่อเริ่มต้นฤดูการเพาะปลูกข้าวนาปรัง ส่งผลให้น้ำภายในลำน้ำลำพระเพลิงเริ่มแห้งขอดเป็นช่วงๆ โดยเฉพาะลำน้ำช่วงที่ไหลผ่านบ้านพะโค หมู่ที่ 11 ต.กระโทก อ.โชคชัย ระดับน้ำลดต่ำลงจนขาดช่วง เกษตรกรส่วนหนึ่งต้องนำเครื่องสูบน้ำมาช่วยกันสูบน้ำจากลำน้ำช่วงที่ขาดตอนไปให้อีกฝากเพื่อให้ยังพอมีน้ำเหลือส่งไปยังลำน้ำด้านท้าย
นายประเทือง วันดี หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทานโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิง เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าขณะนี้เขื่อนลำพระเพลิง ซึ่งเป็นต้นน้ำของลำน้ำลำพระเพลิง จะมีปริมาณน้ำกักเก็บเกินกว่าร้อยละ 95 ของความจุกักเก็บทั้งหมดที่ 110 ล้าน ลบ.ม. ก็ตามแต่ก็ยังไม่สามารถที่จะทำการปล่อนน้ำเพื่อให้เกษตรกรในเขตชลประทานเริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูกข้าวนาปรังได้
เนื่องจากได้มีการประชุมตกลงกันกับหน่วยงานราชการ ภาคเอกชนและตัวแทนเกษตรกรผู้ใช้น้ำแล้วว่า จะเริ่มปล่อยน้ำให้เกษตรกรได้ทำนาปรังพร้อม ๆ กันในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ แต่เกษตรกรบางส่วนซึ่งอยู่ทั้งในและนอกเขตชลประทาน ที่มีที่นาติดกับลำน้ำต้องการเพาะปลูกข้าวนาปรังเร็วขึ้น จึงพากันทำสูบน้ำจากลำน้ำมาเตรียมแปลงมากเป็นพิเศษ เพราะเชื่อว่าเขื่อนลำพระเพลิงมีน้ำมากพอ ส่งผลให้ปริมาณน้ำภายในลำน้ำแห้งขอดอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้อยากฝากเตือนไปยังเกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทาน ไม่ควรเสี่ยงที่จะทำการปลูกข้าวนาปรังเพราะถึงแม้ว่าเขื่อนจะมีน้ำอยู่ในปริมาณที่มาก แต่ก็ไม่สามารถที่จะส่งน้ำให้กับเกษตรกรที่อยู่นอกเขตได้ ทำได้เพียงส่งน้ำลงลำน้ำธรรมชาติเพื่อการรักษาระบบนิเวศน์เท่านั้น และแผนการส่งเสริมการเพาะปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ก็ได้มีการประชุมตกลงกันแล้วเฉพาะในเขตชลประทานเท่านั้น ดังนั้นเกษตรกรที่เพาะปลูกพืชเหนือแผนที่วางไว้จะต้องรับผิดชอบตัวเอง
Credit : http://www.dailynews.co.th