น้ำกวาดซัดเมืองจนตึกถล่ม – เอพี รายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตในตุรกี จากเหตุภัยพิบัติน้ำหลากซัดเมือง และโคลนถล่ม 4 จังหวัดชายฝั่งทางเหนือของประเทศ ติดทะเลดำ หรือ แบล็กซี เพิ่มเป็นอย่างน้อย 31 รายแล้ว หลังเจ้าหน้าที่กู้ศพได้เพิ่มที่จังหวัดคาสตาโมนู พื้นที่ประสบภัยร้ายแรงที่สุด
ก่อนหน้านี้ ตุรกีเพิ่งเผชิญภัยพิบัติไฟป่าครั้งร้ายแรงที่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ และเป็นพื้นที่หนึ่งใน 200 กว่าพื้นที่ที่ไฟป่าปะทุในประเทศนับจากวันที่ 28 ก.ค. มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย ชาวบ้านหลายพันคนต้องอพยพจากบ้านเรือนหนีไฟอย่างระทึก
สำหรับภัยพิบัติที่เกิดจากอากาศสุดขั้วที่ตุรกีประสบต่อมา เป็นฝนกระหน่ำหนักในจังหวัดบาร์ติน จังหวัดคาสตาโมนู จังหวัดซินอป และจังหวัดซามซุน ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ทำลายบ้านเรือน พังสะพานลงมา 5 แห่ง และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เสียหาย พร้อมกวาดพัดเอารถยนต์และพาหนะต่างๆ ไปตามกระแสน้ำ
นายสุไลมาน ซอยโล รมว.กิจการภายในของตุรกี กล่าวว่า ภาพความเสียหายครั้งนี้เป็นหายภัยร้ายแรงที่สุด เท่าที่ตนเคยเห็นมา
ด้านนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญสภาพอากาศ ต่างระบุว่า แทบไม่น่าสงสัยอีกแล้วว่า การเผาถ่านหิน น้ำมัน และแก๊สธรรมชาติ เป็นตัวเร่งให้เกิดอากาศสุดขั้ว ทั้งคลื่นความร้อน ภัยแล้ง ไฟป่า น้ำท่วม และพายุ ซึ่งภัยพิบัติเหล่านี้จะเกิดถี่ขึ้น ตามที่โลกร้อนขึ้น
ที่มาของเนื้อหาและภาพประกอบ : https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_6561454