สหรัฐอ่วมอีก – วันที่ 31 ม.ค. บีบีซี และ เดลี่เมล์ รายงานสถานการณ์ ภัยหนาว ที่ยังสั่นสะท้านในเขตมิดเวสต์ และตะวันออกเฉียงเหนือของ สหรัฐอเมริกา หลังเกิดปรากฏการณ์ ลมวนขั้วโลก หรือ โพลาร์ วอร์เท็กซ์ หรือลมหมุนวนความเร็วสูงบริเวณขั้วโลกเหนือ ส่งผลให้ความหนาวเหน็บแผ่ซ่านปกคลุมพื้นที่ติดมหาสมุทรอาร์กติก
โดยหลายแห่งมีอุณหภูมิดิ่งต่ำถึง -37 องศาเซลเซียส ส่วนความเย็นของลมปะทะผิว (วินด์ชิลล์) ยะเยือกต่ำถึง -54 องศาเซลเซียส เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตจากภัยหนาวแล้วอย่างน้อย 12 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัย รวมถึงชายวัย 82 ปีในเมืองเพกิน รัฐอิลลินอยส์ เสียชีวิตจากภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ และชายวัย 55 ปีที่หนาวตายในเมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน
สำนักอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ (เอ็นดับเบิลยูเอส) ระบุว่าลมวนขั้วโลกทำให้สถานการณ์ภัยหนาวจากพายุฤดูหนาวซึ่งพัดถล่มตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ยิ่งวิกฤต มีประชาชนราว 250 ล้านคนเผชิญหน้ากับภัยหนาว และอีกกว่า 90 ล้านคนต้องต่อสู้กับอุณหภูมิต่ำกว่า -17 องศาเซลเซียส ในจำนวนนี้คาดว่ามากกว่า 20 ล้านคนต้องเจอความหนาวสุดขั้วที่อุณหภูมิต่ำกว่า -28 องศาเซลเซียส
ขณะเดียวกันหลายพื้นที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าบางส่วนของขั้วโลกเหนือ นครชิคาโกวัดอุณหภูมิต่ำสุดที่ -30 องศาเซลเซียส รัฐนอร์ธดาโคตาอุณหภูมิดิ่งลงไปถึง -37 องศาเซลเซียส และในเมืองแกรนด์ฟอร์กส์ มีลมปะทะผิวที่อุณหภูมิต่ำสุด -54 องศาเซลเซีย เมื่อเช้าวันพุธที่ผ่านมา
ทางการท้องถิ่นรัฐวิสคอนซิน อิลลินอยส์ และมิชิแกน ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมเตือนให้ประชาชนในเขตภัยหนาวหลีกเลี่ยงการอยู่นอกเคหสถานเป็นเวลานาน โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าเพียง 10 นาทีก็อาจทำให้ถูก หิมะกัด ได้
นอกจากนี้ แอ็มแทร็ก บริษัทรถไฟแห่งชาติ ยังระงับให้บริการรถไฟในนครชิคาโกเป็นการชั่วคราว หลังจากหิมะตกหนักต่อเนื่องจนทับถมปิดรางรถไฟจนมิด ขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งกำจัดหิมะออกจากจุดสัญญาณควบคุมทิศทาง และเปิดระบบฮีทเตอร์ซึ่งเปลวไฟจะลุกโชนอยู่ใต้รางเพื่อป้องกันการเกาะและจับตัวของน้ำแข็ง
Credit : https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_2157315