สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ของสำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (โนอา) เปิดเผยเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้นทั่วโลกทำให้เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์โลกสมัยใหม่ เป็นสถิติใหม่นับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลมา 137 ปี
รายงานของโนอาฉบับนี้เผยแพร่หลังจากที่ก่อนหน้านี้ 2 วัน สำนักงานบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐเพิ่งจะเปิดเผยข้อมูลด้านสภาพอากาศของตนที่ระบุว่าเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเป็นเดือนที่ร้อนในระดับทำลายสถิติเช่นกัน
“ตามปกติเดือนกรกฎาคมเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดของโลกอยู่แล้ว และเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาก็ไม่ผิดไปจากความคาดหมาย” รายงานของโนอาระบุ “เดือนกรกฎาคม 2559 มีอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยของศตวรรษที่ 20 อยู่ 1.57 องศาฟาเรนไฮต์ (0.87 องศาเซลเซียส) ทำลายสถิติเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วไป 0.11 องศาฟาเรนไฮต์”
นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า แนวโน้มของอากาศร้อนมีแรงขับเคลื่อนมาจากการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ หรือเชื้อเพลิงฟอสซิล และสถานการณ์ย่ำแย่ลงไปอีกจากปรากฏการณ์อุณหภูมิสูงขึ้นของมหาสมุทรที่รู้จักกันในชื่อ เอลนิโญ ซึ่งเพิ่งจะสิ้นสุดลงเมื่อเดือนที่แล้ว
รายงานของโนอาระบุว่า อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกของเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาวัดจากพื้นผิวโลกและพื้นผิวมหาสมุทรสูงที่สุดในฐานข้อมูลของโนอาเท่าที่เคยมีการบันทึกมานับตั้งแต่ปี 2423 นอกจากนี้เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมายังถือเป็นเดือนที่ทำลายสถิติร้อนที่สุดติดต่อกันเป็นเดือนที่ 15 แล้ว นับเป็นการทำลายสถิติต่อเนื่องกันที่ยาวที่สุดในรอบ 137 ปี
รายงานระบุว่า พบอุณหภูมิสูงกว่าระดับอุณหภูมิเฉลี่ยในพื้นที่ส่วนใหญ่ของโลก โดยพบอุณภูมิสูงสุดทำลายสถิติในหลายพื้นที่ของอินโดนีเซีย ทางตอนใต้ของทวีปเอเชียและนิวซีแลนด์ นอกจากนี้ยังพบอุณหภูมิระดับร้อนจัดในพื้นที่บริเวณอ่าวเปอร์เซีย โดยหลายพื้นที่ในประเทศคูเวตมีอุณหภูมิสูงกว่า 113 องศาฟาเรนไฮต์ (45 องศาเซลเซียส) ในช่วงเดือนกรกฎาคม
“อุณภูมิสูงสุดในช่วงเดือนกรกฎาคม วัดได้ที่เมืองมิตริบาห์ ประเทศคูเวต ที่อุณหภูมิสูงถึง 126.5 องศาฟาเรนไฮต์ (52.5 องศาเซลเซียส) ในวันที่ 22 กรกฎาคม” รายงานระบุ
ในบาห์เรน อุณหภูมิเฉลี่ยของเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 96.8 องศาฟาเรนไฮต์ (36 องศาเซลเซียส) ซึ่งถือว่าเป็นเดือนกรกฎาคมที่ร้อนที่สุดนับตั้งแต่เคยมีการบันทึกสถิติของประเทศมาตั้งแต่ปี 2445 นอกจากนี้อุณภูมิเฉลี่ยในนิวซีแลนด์ สเปนและฮ่องกงก็ร้อนขึ้นด้วย
โนอายังระบุด้วยว่า ช่วง 7 เดือนแรกที่ผ่านมาของปีนี้เป็นช่วง 7 เดือนแรกที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีอุณหภูมิสูงกว่าระดับค่าเฉลี่ยของศตวรรษที่ 20 ถึง 1.85 องศาฟาเรนไฮต์
Credit เนื้อหาและภาพประกอบ http://www.matichon.co.th/news/254961