สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งเปิดเผยเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมว่า ปะการังอย่างน้อย 35 เปอร์เซ็นต์ทางตอนเหนือและตอนกลางของแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ ในออสเตรเลียตายแล้วหรือไม่ก็กำลังใกล้จะตายจากปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ หรือภาวะที่ปะการังมีสีซีดจางลงจนมองเห็นเป็นสีขาว
การประเมินดังกล่าวมีขึ้นหลังใช้เวลาในการสำรวจทั้งทางอากาศและใต้น้ำเป็นเวลาหลายเดือน หลังจากที่ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์เท่าที่เคยมีการบันทึกได้ปรากฏให้เห็นเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จากการที่น้ำทะเลมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น
เทอร์รี ฮิวจ์ส ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยออสเตรเลียเพื่อความเป็นเลิศด้านการศึกษาแนวปะการังที่มหาวิทยาลัยเจมส์ คุก ระบุว่า ภาวะโลกร้อนสร้างความหายนะอย่างใหญ่หลวงให้กับมรดกโลกแห่งนี้
“เราพบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว 35 เปอร์เซ็นต์ของปะการังในแนวปะการัง 84 แห่งที่เราสำรวจตลอดพื้นที่ทางตอนเหนือและตอนกลางของเกรตแบร์ริเออร์รีฟระหว่างเมืองทาวน์สวิลล์และประเทศปาปัวนิวกินี ตายแล้วหรือไม่ก็กำลังจะตาย” แถลงการณ์ระบุ และว่า “นี่เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 18 ปี ที่เกรตแบร์ริเออร์รีฟเผชิญกับปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวเนื่องจากภาวะโลกร้อน และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้นรุนแรงมากกว่าที่เคยตรวจวัดได้ก่อนหน้านี้”
แถลงการณ์ร่วมของมหาวิทยาลัยชั้นนำของออสเตรเลียระบุว่า อย่างน้อยต้องใช้เวลาราว 1 ทศวรรษในการฟื้นฟูปะการังที่เสียหาย ขณะที่สมาคมอนุรักษ์ทะเลออสเตรเลียเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทางการทำมากกว่านี้เพื่อปกป้องแนวปะการัง ไม่เช่นนั้นก็เสี่ยงที่จะส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 150,000 ล้านบาท) และงาน 69,000 ตำแหน่ง
ที่มาของข่าวและภาพประกอบ :http://www.matichon.co.th/news/153727
Photo By AFP PHOTO / JAMES COOK UNIVERSITY / CHRIS CORNWALL