กาญจนบุรี - พายุฤดูร้อนพัดถล่มอำเภอสังขละบุรี กาญจนบุรี เสาไฟฟ้า และต้นไม้ใหญ่ล้มระเนระนาดทับศูนย์ราชการ และรถยนต์เสียหายหลายคัน ส่วนที่ว่าการอำเภอกระเบื้องหลังคาปลิวว่อน อีกทั้งกระจกห้อง นอภ.แตกร้าว เบื้องต้น จนท.เร่งสำรวจความเสียหายบ้านเรือน ปชช.แล้ว
เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (16 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายมานพ เกิดแดง ปลัดเทศบาลตำบลวังกะ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.ของวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา พายุฤดูร้อนได้พัดถล่มพื้นที่อำเภอสังขละบุรีอย่างรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณศูนย์ราชการที่ว่าการอำเภอสังขละบุรี และตามท้องถนนที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกกระแสลมพัดจนโค่นล้มไปทับรถยนต์ที่จอดอยู่ได้รับความเสียหายจำนวนหลายคัน
นอกจากนั้น เสาไฟฟ้าก็ถูกลมพัดจนหักโค่นหลายต้น เป็นเหตุให้พื้นที่อำเภอสังขละบุรี ต้องขาดกระแสไฟฟ้าใช้โดยสิ้นเชิง รวมทั้งสัญญาณโทรศัพท์ก็ใช้ไม่ได้เช่นกัน โดยพายุฤดูร้อนซึ่งมีทั้งลมและฝนได้พัดกระหน่ำอย่างรุนแรงนานกว่า 2 ชั่วโมง
แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากสถานการณ์พายุสงบลง เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ระดมกำลังกันแก้ไขปัญหานานกว่า 3 ชั่วโมง สถานการณ์จึงเข้าสู่สภาวะปกติ หลังจากนั้น จึงได้เร่งออกสำรวจพื้นที่ความเสียหายโดยเฉพาะบ้านเรือนของประชาชน
นายวิบูลย์ ปั้นศิริ นายอำเภอสังขละบุรี เปิดเผยว่า จากการสำรวจความเสียหาย พบว่าอาคารที่ว่าการอำเภอ โดยเฉพาะหลังคา ซึ่งเป็นกระเบื้องถูกกระแสลมพัดปลิวตกลงพื้นแตกได้รับความเสียหาย 20-30 แผ่น ส่วนกระจกห้องทำงานชั้นสองเกิดแตกร้าว และยังพบว่า ต้นมะม่วงหิมพานต์ขนาดใหญ่ได้ล้มทับบ้านพักของปลัดอาวุโสอำเภอสังขละบุรี ได้รับความเสียหายบางส่วนด้วย
สำหรับต้นไม้ที่ถูกลมพัดจนโค่นล้มส่วนใหญ่เป็นต้นมะม่วง และต้นสักที่ปลูกเอาไว้ริมถนนด้านข้าง สภ.สังขละบุรี ถูกกระแสลมพัดล้มทับรถยนต์ของประชาชนได้รับความเสียหายไปหลายคัน และบริเวณด้านหลัง สภ.สังขละบุรี สถานที่เก็บรักษารถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นของกลาง ถูกต้นมะม่วงขนาดใหญ่ที่มีอายุกว่า 100 ปีล้มทับเสียหายหลายคันเช่นกัน
ส่วนภายในตลาดสดที่มีบ้านเรือนเป็นจำนวนมากจากการสำรวจไม่พบความเสียหายแต่อย่างใด พบเพียงกิ่งไม้หักตกลงใส่หลังคารถยนต์เก๋งที่จอดอยู่ได้รับความเสียหายเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนั้น สถานที่ราชการที่ได้รับความเสียหายอีกแห่งหนึ่ง คือ โรงจอดรถยนต์ของสำนักงานสาธารณสุขอำเภอสังขละบุรี ถูกลมพัดจนหลังคาที่มุงด้วยกระเบื้องปลิวหล่นลงพื้นจนแตกละเอียด
“หลังจากพายุสงบลงเราได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลวังกะ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการสำรวจมูลค่าความเสียหายอีกครั้งหนึ่ง”
ด้านนายศรียาพร สังขเจติย (หมายเหตุ อ่านว่า ศรียาพร สังขะเจติยะ) อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ 2 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ตนมีอาชีพค้าขาย ตลอดทั้งวันก่อนเกิดพายุ อากาศในพื้นที่นั้นร้อนอบอ้าวอย่างมาก ทราบว่ามีอุณหภูมิสูงถึง 41-42 องศา ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ต่างออกไปอยู่นอกบ้านกันหมด เนื่องจากทนกับสภาพอากาศไม่ไหว ซึ่งตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาในพื้นที่ไม่เคยมีอากาศร้อนเช่นนี้มาก่อน
“จากการสอบถามผู้สูงอายุหลายรายก็ไม่เคยมีใครเคยประสบปัญหาแบบนี้มาก่อนเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม นับเป็นโชคดีของผมที่บ้านไม่ได้รับผลกระทบจากพายุดังกล่าวแต่อย่างใด”
http://www.manager.co.th
